คือ โรคที่มีการอักเสบของตับจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ (HAV) ซึ่งสามารถติดต่อกันได้ผ่านการรับประทานอาหารและน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ การสัมผัสกับสิ่งสกปรกและอุจจาระที่ปนเปื้อนเชื้อ หรือผู้ที่ติดเชื้อ และจากการบริโภคน้ำหรืออาหารที่ผิดสุขอนามัย อาการแสดงที่พบมีตั้งแต่อาการป่วยในระดับอ่อนไปจนถึงระดับรุนแรง คือ ปวดหัว มีไข้ตัวร้อน รู้สึกเหนื่อยล้าไม่สบายตัว ไม่อยากอาหาร มีผดผื่นคัน ปวดท้อง ท้องร่วง ท้องผูก ปวดตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ คันตามผิวหนัง ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระมีสีซีด มีภาวะดีซ่าน เป็นต้น หากไม่ได้รับการรักษาจนมีการพัฒนาของโรค อาจนำไปสู่ภาวะรุนแรง อย่างเช่นตับวายได้ แม้ว่ามีโอกาสเกิดขึ้นไม่บ่อยนักก็ตาม
อาการของไวรัสตับอักเสบ เอ
หลังจากได้รับเชื้อ ระยะการฟักตัวของเชื้อจะอยู่ที่ 2-4 สัปดาห์ ก่อนจะมีอาการแสดงออกมา โดยผู้ป่วยจะมีอาการตั้งแต่ป่วยเล็กน้อยไปจนถึงขั้นรุนแรงและเป็นอันตรายต่อชีวิต
อาการที่พบในระยะเริ่มแรก ได้แก่
- มีไข้อ่อน ๆ (มักต่ำกว่า 39 องศาเซลเซียส)
- รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ไม่สบาย
- ปวดหัว ไอ เจ็บคอ
- ไม่อยากอาหาร
- ท้องผูก หรือท้องร่วง
- ปวดบริเวณท้องขวาบน
- ปวดตามกล้ามเนื้อและข้อ
- อาจมีผื่นลมพิษมีผดผื่นคัน
ส่วนอาการหลังมีการพัฒนาโรคที่รุนแรงขึ้น ได้แก่ คันตามผิวหนัง มีภาวะดีซ่าน ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระมีสีอ่อน บริเวณท้องด้านบนขวาบวมและเจ็บปวดเมื่อกดลงไป โดยสัญญาณสำคัญของอาการป่วยขั้นรุนแรง ที่แสดงว่าไวรัสได้แพร่กระจายจนส่งผลต่อการทำงานของตับ คือ ง่วงซึม สับสน ฉุนเฉียว หงุดหงิดง่าย มีปัญหาเกี่ยวกับความจำและการตั้งสมาธิ มีจ้ำเลือด มีเลือดออกง่าย เช่น เลือดกำเดา เลือดออกตามไรฟัน อาเจียนอย่างกะทันหันหรืออาเจียนอย่างหนัก หากมีอาการที่น่าสงสัยดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาทันที
สาเหตุของไวรัสตับอักเสบ เอ
ไวรัสตับอักเสบ เอ เกิดจากการได้รับเชื้อไวรัส เอ จากผู้ที่ติดเชื้อ ผ่านการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ โดยที่ไม่ปรุงให้สุกและไม่ผ่านการล้างทำความสะอาด ทำให้ยังมีเชื้อปนเปื้อนอยู่ หรือไม่ล้างมือหลังสัมผัสสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อนเชื้อ แล้วใช้มือหยิบจับรับประทานอาหารหรือปรุงอาหาร และสิ่งที่เป็นสาเหตุแต่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย อย่างได้รับเชื้อผ่านการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ และการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ โดยเฉพาะเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชาย เป็นต้น